หน้าแรก
สินค้าของเรา
วิธีการสั่งซื้อสินค้า
แจ้งชำระเงิน
เกี่ยวกับเรา
บทความ
ติดต่อเรา
หน้าแรก
>
บทความ
>
ผักเชียงดา
ผักเชียงดา
2 ปีที่ผ่านมา
โดย
เจ้าของร้าน
ผักเชียงดา ผักเชียงดา ชื่อวิทยาศาสตร์
Gymnema inodorum (Lour.) Decne.
จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (
APOCYNACEAE)
และอยู่ในวงศ์ย่อยนมตำเลีย (
ASCLEPIADOIDEAE
หรือ
ASCLEPIADACEAE)[1],[4]
ผักเชียงดา มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เชียงดา
,
เจียงดา
,
ผักเจียงดา
,
ผักเซียงดา
,
ผักกูด
,
ผักจินดา
,
ผักเซ่งดา
,
ผักม้วนไก่
,
ผักเซ็ง
,
ผักว้น
,
ผักฮ่อนไก่
,
ผักอีฮ่วน
,
เครือจันปา เป็นต้น[
3],[4],[6],[7],[10]
ลักษณะของผักเชียงดา ต้นผักเชียงดา จัดเป็นไม้เถาเลื้อย มีอายุข้ามปี ความยาวของเถาขึ้นอยู่กับอายุ ลำต้นเป็นสีเขียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ
0.5-5
เซนติเมตร ทุกส่วนที่อยู่เหนือดินของต้นจะมีน้ำยางสีขาวคล้ายน้ำนม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปักชำ เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี เป็นผักพื้นบ้านที่ชาวเหนือในแถบจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน และพะเยา นิยมปลูกไว้หน้าบ้านเพื่อนำยอดไปประกอบอาหาร[
1],[2],[3]
ส่วนในต่างประเทศพบได้ที่ประเทศอินเดีย ศรีลังกา เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น จีน และแอฟริกา[
6]
ใบผักเชียงดา ใบเป็นใบเดี่ยว ออกจากข้อเรียงเป็นคู่ตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปกลมรี ปลายใบแหลม โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ
9-11
เซนติเมตร และยาวประมาณ
14.5-18.5
เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ท้องใบมีสีอ่อนกว่า ผิวใบเรียบไม่มีขน ก้านใบยาวประมาณ
3.5-6
เซนติเมตร[
1],[2]
ดอกผักเชียงดา ออกดอกเป็นช่อแน่นสีขาวอมเขียวอ่อน ดอกย่อยมีขนาดเล็กกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ
5-6
มิลลิเมตร[
4]
ผลผักเชียงดา ออกผลเป็นฝัก[
4]
สารบัญของเรื่อง ผักเชียงดา ลักษณะของผักเชียงดา สรรพคุณของผักเชียงดา ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของผักเชียงดา ประโยชน์ของผักเชียงดา เอกสารอ้างอิง สรรพคุณของผักเชียงดา ผักเชียงดามีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุ ช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง และการเสียของ
DNA
ข้ออักเสบรูมาตอยด์และเกาต์[
2]
ผักเชียงดามีสารออกฤทธิ์ที่ช่วยควบคุมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ[
2]
และชาวบ้านยังนิยมกินผักเชียงดาหน้าร้อน เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกายอีกด้วย[
6]
หมอยาพื้นบ้านในจังหวัดจะใช้ผักเชียงดาเป็นยาบำรุงกำลัง แก้อาการปวดเมื่อยอันเนื่องมาจากการทำงาน[
7]
ช่วยทำให้เจริญอาหาร[
4]
ช่วยชำระล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย[
8]
ใช้รักษาเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ปรับระดับอินซูลินในร่างกายให้สมดุล ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ตับอ่อน ด้วยการนำผักเชียงดามาปรุงเป็นอาหารรับประทาน[
1],[4],[8]
จากการศึกษาพบว่า การรับประทานผงผักเชียงดาก่อนอาหารประมาณวันละ
8-12
กรัม (แบ่งการรับประทานเป็น
3
มื้อ มื้อละ
4
กรัม) จะสามารถควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวานให้เป็นปกติได้ หรือจะรับประทานเป็นผักสดอย่างน้อยวันละประมาณ
50-100
กรัม หรือ
1
ขีด ก็สามารถช่วยป้องกันและบำบัดโรคเบาหวานได้เช่นกัน[
5]
ช่วยควบคุมและปรับระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ[
8]
ช่วยลดและควบคุมปริมาณไขมันในร่างกายให้สมดุล[
8]
ผักเชียงดาสามารถนำไปใช้ลดน้ำหนักได้ เพราะผักชนิดนี้สามารถช่วยให้มีการนำน้ำตาลไปเผาผลาญมากกว่าการนำไปสร้างเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ
ของร่างกาย และมีรายงานว่า ผักเชียงดาสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง[
10]
ผักเชียงดามีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา แก้ตาฝ้าฟาง มีอาการเคืองตา เนื่องจากผักชนิดนี้มีวิตามินสูง[
1]
ช่วยแก้หูชั้นกลางอักเสบ (ต้น)[
9]
ใบนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกบริเวณกระหม่อมเพื่อรักษาไข้ อาการหวัด ปรุงเป็นยาลดไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ หรือนำไปประกอบในตำรายาแก้ไข้อื่น ๆ[
2],[4]
ผลมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ (ผล)[
4]
ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้และหอบหืด[
8]
ต้นสรรพคุณเป็นยาแก้หลอดลมอักเสบ แก้ไอ แก้ปอดอักเสบ (ต้น)[
9]
ช่วยแก้โรคบิด (ต้น)[
9]
การรับประทานผักเชียงดาใบแก่ จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และชาวบ้านยังนิยมนำมาแกงรวมกับผักตำลึงและยอดชะอมเพื่อใช้รักษาอาการท้องผูกอีกด้วย[
2],[6]
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ต้น)[
9]
ต้นแห้งหรือต้นสดใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น)[
9]
ช่วยขับระดูของสตรี[
4]
ช่วยฟื้นฟูตับอ่อนให้แข็งแรง ช่วยบำรุงและปรับสภาพการทำงานของตับอ่อนให้เป็นปกติ[
8]
ช่วยบำรุงและซ่อมแซมหมวกไต และระบบการทำงานของไตให้สมบูรณ์[
8]
ช่วยแก้อาการบวมน้ำ (ต้น)[
9]
ใบใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนังทุกชนิด ทำให้น้ำเหลืองแห้ง และแก้กามโรค[
9]
ใบสดใช้ตำพอกฝีหรือหัวลำมะลอก งูสวัด เริม ถอนพิษ แก้ปวดแสบปวดร้อน[
4]
หัวมีรสมันขม มีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษอักเสบ พิษร้อน ช่วยดับพิษกาฬ แก้พิษไข้เซื่องซึม และแก้เริม (หัว)[
4]
ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อจากโรคเกาต์[
8]
ในบ้านเรามีการใช้ผักเชียงดาเป็นทั้งยาสมุนไพรและเป็นอาหารเพื่อรักษาโรคโดยกลุ่มหมอเมืองทางภาคเหนือมานานแล้ว กล่าวคือ การใช้เป็น “ยาแก้หลวง” (คล้ายยาครอบจักรวาลของแผนปัจจุบัน) ถ้าคิดไม่ออกก็บอกผักเชียงดา เช่น แก้เบาหวาน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ตัวร้อน แก้ไข้สันนิบาต (ชักกระตุก) แก้หวัด ภูมิแพ้ หอบหืด แก้แพ้ยา แพ้อาหาร ปวดข้อ เป็นยาระบาย ช่วยระงับประสาท หรือเมื่อมีอาการคิดมากหรือจิตฟั่นเฟือน ฯลฯ ส่วนการนำมาใช้เป็นยาก็ให้นำผักเชียงดามาสับแล้วนำไปตากแห้งบดเป็นผง ใช้ชงเป็นชาดื่ม หรือจะนำมาบรรจุลงในแคปซูลก็ได้[
5]
หมายเหตุ : การนำมาใช้เป็นยาในหน้าแล้ง ให้ใช้รากมาทำยา ส่วนในหน้าฝนให้ใช้ส่วนของเถาและใบ โดยนำมาสับตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง ใช้ชงเป็นชาดื่ม[
6]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของผักเชียงดา สารสำคัญ ได้แก่ สาร
Vioflavonoid
สารในกลุ่ม
Carotenoid (
ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก) มี
Flavonoid,
คาเทชิน
,
โปรแอนโทไซนานิดิน (
Proanthocyanidin),
มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือ
Curcumin, Furmeric,
เบต้าแคโรทีน
,
และมีวิตามินซีมากกว่าแคร์รอต[
1]
จากการศึกษาผลของผักเชียงดาในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี พบว่า การดื่มชาผักเชียงดาภายใน
15
นาทีหลังจากได้รับสารละลายกลูโคส จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่ไม่ได้ดื่มชาผักเชียงดา ส่วนฤทธิ์การลดระดับน้ำตาลในเลือดนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณของผักเชียงดาด้วย และเมื่อให้อาสาสมัครดื่มชาเป็นระยะเวลา
28
วัน
ก็ไม่พบว่ามีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่พบการเปลี่ยนแปลงของการทำงานของตับ แต่การให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่
2
จำนวน
12
ราย ดื่มชาผักเชียงดาหลังอาหารวันละ
3
มื้อเพิ่มเติมจากยาเบาหวานที่ได้รับ เป็นระยะเวลา
8
สัปดาห์ พบว่า ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ตลอดจนไม่กระทบต่อการทำงานของตับและไต และไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงแต่อย่างใด แต่การศึกษานี้ยังมีข้อจำกัดคือจำนวนของผู้ป่วยและระยะเวลาที่ใช้ใน
การศึกษาที่มีค่อนข้างน้อย จึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมและประเมินผลต่อไป[
7]
ผักเชียงดามี
Gymnemic acid (
สกัดมาจากส่วนรากและใบของผักเชียงดา) โดยสารชนิดนี้มีลักษณะโครงสร้างเหมือนน้ำตาลกลูโคส จึงเข้าไปจับกับตัวรับที่ลำไส้แทนโมเลกุลของกลูโคส และช่วยสกัดกั้นสารน้ำตาลตัวจริงที่เข้ามาสู่ร่างกายได้
และยังสามารถช่วยควบคุมสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานทั้งชนิดที่พึ่งอินซูลินและชนิดไม่พึ่งอินซูลิน โดยมีรายงานว่า มีผู้ป่วย “บางราย” สามารถรับประทานผักเชียงดาเพียงอย่างเดียวเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่ต้องพึ่งยาแผนปัจจุบัน เนื่องจาก
ผักชนิดนี้มีฤทธิ์ฟื้นฟูเบต้าเซลล์ของตับอ่อน ที่เป็นอวัยวะช่วยสร้างอินซูลินให้อยู่ในระดับปกติ[
5]
จากการทดลองกับสุนัข กระต่าย และหนูที่ทำให้เป็นเบาหวาน พบว่ามีปริมาณอินซูลินเพิ่มขึ้นเมื่อตรวจดูตับอ่อน และยังพบว่า มีปริมาณของเบต้าเซลล์เพิ่มขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าผักเชียงดาสามารถช่วยซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ตับอ่อนได้[
1]
ส่วนการศึกษาในมหาวิทยาลัยมัทราส ประเทศอินเดีย ได้ศึกษาผลของผักเชียงดาในหนูทดลองที่ให้สารพิษที่ทำลายเซลล์เบต้าในตับอ่อนของหนู โดยพบว่า หนูที่ได้รับผักเชียงดาทั้งในรูปของสารสกัดและผงแห้ง มีระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาเป็นปกติภายใน
20-60
วัน ระดับอินซูลินกลับมาเป็นปกติ และจำนวนของเบต้าเซลล์ก็เพิ่มขึ้นด้วย[
6]
มีการวิจัยในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานที่ใช้อินซูลิน
27
ราย โดยให้กินสารสกัดที่ทำให้บริสุทธิ์ขึ้น
400
มิลลิกรัมต่อวัน พบว่าปริมาณความต้องการอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานลดลง และในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ได้ใช้อินซูลิน
22
ราย เมื่อให้สารสกัด
400
มิลลิกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา
18-20
เดือน ร่วมกับยารักษาเบาหวาน พบว่าปริมาณการใช้ยารักษาเบาหวานลดลง โดยมีผู้ป่วยจำนวน
5
ราย ใน
22
ราย ที่สามารถหยุดให้ยาเบาหวานโดยใช้แต่สารสกัด
Gymnema
เพียงอย่างเดียว[
1]
มีรายงานการทดลองใช้ต้น
Gymnema sylvestre
ซึ่งเป็นพืชในสกุลเดียวกันกับผักเชียงดาที่มีขึ้นอยู่ในประเทศอินเดีย โดยบริษัทในประเทศญี่ปุ่นได้ผลิตพืชชนิดนี้ออกขายในรูปของยาชงเพื่อรักษาโรคเบาหวาน แต่จากรายงานการทดลองทั้งในคนและสัตว์ ได้แสดงให้เห็นว่า สมุนไพรชนิดนี้สามารถช่วยสร้างและซ่อมแซมเบต้าเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์อินซูลิน[
1]
เมื่อปี พ.ศ.
2546
นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานถึงผลของสารสกัดผักเชียงดาในหนูทดลอง ซึ่งนอกจากจะมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยเพิ่มปริมาณของอินซูลินแล้ว ยังช่วยลดปริมาณของอนุมูลอิสระในกระแสเลือดของหนูทดลองที่เป็นหวานได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณของสารกลูต้าไธโอน วิตามินซี และวิตามินอี ในกระแสเลือดของหนูได้อีกด้วย และยังพบว่า สารสกัดดังกล่าวนั้นมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาเบาหวานที่มีชื่อว่า “ไกลเบนคลาไมด์” (
glibenclamide)[10]
ประโยชน์ของผักเชียงดา จากการศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลองของผักพื้นบ้านจำนวน
43
ชนิด ที่บริโภคกันในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ผักเชียงดามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุด และยังเป็นผักที่มีวิตามินอีสูงที่สุดอีกด้วย
ปัจจุบันเริ่มมีเกษตรกรรวบรวมผักเชียงดามาปลูกในแปลงปลูกขนาดใหญ่ เพื่อเก็บยอดไว้ขายในเชิงการค้าแล้ว[
1]
ในปัจจุบันบริษัทยาของประเทศญี่ปุ่นได้ผลิตพืชชนิดนี้เป็นชาชงสมุนไพร หรือในรูปแบบแคปซูลหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อรักษาเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยยับยั้งการดูดซึมของกลูโคส[
2]
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แคปซูลผักเชียงดาจะมีวางจำหน่ายในร้านผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไป โดยในรูปแบบผงแห้งจะมีการควบคุมมาตรฐานของ
gynemic acid
ต้องมีไม่ต่ำกว่า
25%
คือใน
1
แคปซูลส่วนใหญ่แล้วจะมีผงยาเชียงดาอยู่ประมาณ
500
มิลลิกรัม
ข้อควรระวัง : การรับประทานผักเชียงดาอาจทำให้เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เมื่อใช้ร่วมกับยาลดระดับน้ำตาล ดังนั้นจึงควรแจ้งแพทย์ผู้รักษาให้ทราบเมื่อใช้ผักเชียงดาร่วมในการรักษาเบาหวาน
เอกสารอ้างอิง :
หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน
150
ชนิด.
(
เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก).
“
ผักเชียงดา”.
หน้า
103.
แก้วปัญญา
,
สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา.
“
ภูมิปัญญา กินผักเชียงดา ผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพต้านอนุมูลอิสระ”.
[
ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก :
kaewpanya.cttc.rmutl.ac.th. [19
ส.ค.
2014].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร.
“
ผักเชียงดา”.
[
ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก :
ftp://smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [19
ส.ค.
2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง
,
สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).
“
ผักเชียงดา”.
อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์).
,
หนังสือสมุนไพรใกล้ตัว เล่ม
13 :
สมุนไพรแต่งสี กลิ่น รส. (สมพร ภูติยานันต์).
[
ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก :
eherb.hrdi.or.th. [19
ส.ค.
2014].
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).
“
เชียงดา ผักสวนครัวช่วยรักษาโรค”.
อ้างอิงใน : มูลนิธิสุขภาพไทย.
[
ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
www.thaihealth.or.th. [19
ส.ค.
2014].
นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่
150
มิถุนายน
2556. (
เก้า มกรา). จุฬาวิทยานุกรม.
(
รพงษ์ เบศรภิญโญวงศ์).
“
ผักเชียงดา”.
[
ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก :
www.thaihealth.or.th. [19
ส.ค.
2014].
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดเชียงใหม่
,
กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
,
ข่าวประชาสัมพันธ์ปีที่
4
ฉบับที่
7
ประจำเดือน กรกฎาคม พ.ศ.
2555.
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
,
โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ.
“
ผักเชียงดา”.
[
ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก :
www.wattano.ac.th. [19
ส.ค.
2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่
379
คอลัมน์ : เรื่องเด่นจากปก.
(
ภกญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร).
“
๓ สมุนไพร พิชิต โรคเบาหวาน”.
CR:
เว็บไซต์เมดไทย (
Medthai)
ข้อมูลอ้างอิง (
Source) :
https://medthai.com/%e0%b8%9c%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b2/
|
Medthai
ผักเชียงดา
,
ลดเบาหวาน
,
ลดความดัน
,
ไขมันในเส้นเลือด
,
แคปซูลผักเชียงดา
,
ชาผักเชียงดา
Share
Share :
COPY
BLOG
เบาหวานชนิดที่ 2 – เกิดจากภาวะการลดลงของการสร้างอินสุลิน ร่วมกับภาวะดื้ออินสุลิน
1 ปีที่ผ่านมา
เบาหวานชนิดที่ 2 – เกิดจากภาวะการลดลงของการสร้างอินสุลิน ร่วมกับภาวะดื้ออินสุลิน
สาปเสือ
1 ปีที่ผ่านมา
สาบเสือ สาบเสือ ชื่อสามัญ Siam weed, Bitter bush, Christmas bush, Devil weed, Camfhur grass, Common floss flower, Triffid สาบเสือ ชื่อวิทยาศาสตร์ Chromolaena odorata (L.) R.M.King & H.Rob. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Eupatorium odoratum L.) จัดอยู่ในวงศ…
หญ้าหวาน
2 ปีที่ผ่านมา
หญ้าหวาน หญ้าหวาน ชื่อสามัญ Stevia (สตีเวีย) หญ้าหวาน ชื่อวิทยาศาสตร์ Stevia rebaudiana (Bertoni) Bertoni (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Eupatorium rebaudianum Bertoni, Stevia rebaudiana (Bertoni) Hemsl.) จัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE) เป็น…
ผักเชียงดา
2 ปีที่ผ่านมา
ผักเชียงดา ผักเชียงดา ชื่อวิทยาศาสตร์ Gymnema inodorum (Lour.) Decne. จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยนมตำเลีย (ASCLEPIADOIDEAE หรือ ASCLEPIADACEAE)[1],[4] ผักเชียงดา มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เชียงดา, เจียงดา, ผักเจียงดา, ผักเซียง…
อ่านทั้งหมด
>>
Copyright © 2025
www.phudin.com
All rights reserved.
ตะกร้า
(
0
)
▲
▼
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ยังไม่มีบัญชีเทพ
สร้างบัญชีใหม่
ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดภูดินออร์แกนิกเฮิร์บ
ห้างหุ้นส่วนภูดินออร์แกนิคเฮิร์บจำกัด เกิดขึ้นจาก กลุ่มเครือข่ายผู้ปลูกและแปรรูปพืชสมุนไพรอินทรีย์(Organic) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสมุนไพรศาลา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มจากคนในชุมชนของตำบลดอนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ ได้รวมกลุ่มกันเมื่อ ปี 2549 เพื่อปลูกพืชสมุนไพรแบบอินทรีย์ และ นำเอาสมุนไพรมาแปรรูปผลิตตามภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และ ความงาม เพื่อใช้ในครัวเรือน ทำให้ประหยัดและลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งสามารถจำหน่ายสร้างรายได้ จากประโยชน์ที่สมาชิกได้รับและเพื่อการพัฒนาไปสู่การประกอบธุรกิจ จึงได้จัดตั้งและจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 เริ่มจาก สมาชิก 7 คนและได้ร่วมกันระดมทุน จำนวน 50,000 บาท เพื่อนำมาเป็นเงินทุนขยายกิจการแปรรูปสมุนไพร จากนั้นได้มีการพัฒนามาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง
เบอร์โทร :
0649964414
อีเมล :
phudin.cm@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
ค้นหาสินค้าในร้านนี้
ค้นหา
หรือค้นหาอย่างละเอียด
ค้นหาสินค้า
สินค้าที่ดูล่าสุด
{{pdata.name}}
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้
↑
TOP
เลื่อนขึ้นบนสุด
คุณมีสินค้า
0
ชิ้นในตะกร้า
สั่งซื้อทันที
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
ดูสินค้าในตะกร้า
เริ่มการสั่งซื้อ
➜
เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม
พูดคุย-สอบถาม
อีเมล phudin.cm@gmail.com
โทร 0649964414
channel/UCsx3de6mdv2JeOsJAV9Y5rA
m.me/aomphudinorganicherb
Add phudin1